Paris-Lille-Amsterdam

13 November 2015

วันนี้กินอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จ ก็ไม่รอช้า รีบไปเอารถที่อาคารจอดรถ  ตั้งแต่วันที่ 10-13 พย จ่ายค่าจอดรวมทั้งหมด 69 ยูโร เพราะเราอยากจะออกไปจาก Paris ให้เร็วๆ ที่สุด 
Axel Opera Hotel ด้วยตัวของโรงแรมเอง ย่านที่พัก ห้องพัก ความสะอาดและราคา ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ว่าโรงแรมนี้เราก็ไม่ขอแนะนำนะคะ ไม่มีความปลอดภัย มีแก๊งขโมยชุกชุม ทางโรงแรมไม่มีมาตรการดูแลความปลอดภัยใดๆ ให้กับผู้ที่มาพัก (ไม่มีกล้อง CTV)
วันนี้จะต้องเดินทางไกล ขับรถจาก  Paris ไป Amsterdam ระยะทาง 508 กม. ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 5 ชม.
ตอนแรกมีแผนจะขับไปเมือง Ghent ใน Belgium และแวะเดินดูเมืองนิดหน่อย แต่เวลาดูไม่พอ ก็เลยเปลี่ยนแผนขับผ่านเมืองโดยไม่หยุดแวะ แต่ระหว่างทางหยุดพักกินอาหารกลางวัน ที่เมือง Lille (ลีล) ใกล้ๆ ชายแดนของฝรั่งเศล มี Mall เล็กๆ มีร้านค้า Supermarket และร้านอาหาร
ระยะทางขับรถจาก Paris to  Lille 225.4 กม  ประมาณ 2 ชม 28 นาที
เมือง Lille(ลีล) เป็นเมืองหลวงของ Nord-Pas-de-Calais (แคว้นนอร์-ปาดกาแลและเป็นเมืองบริหารของจังหวัด Nord (นอร์) ในประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ Lille (ลีล) เป็นเมืองเอกของ Lille Métropole (นครลีล) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นลำดับสี่ของเมืองมหานคร รองจาก Paris, Lyon (ลียง), และ Marseille (มาร์แซย์) Lille ลีลตั้งอยู่บนฝั่ง Deûle River (แม่น้ำเดิลติดกับพรมแดนประเทศเบลเยียม
ระยะทางขับรถจาก Lille to Ghent 75.5 กม ประมาณ 1 ชม 7 นาที

ร้าน Le Saint Vincent ตั้งอยู่ใน Mall เล็กๆ ในเมือง Lille รายการอาหารมีให้เลือกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อ ซึ่งมีหลายคนไม่กินเนื้อ และการสื่อสารก็ลำบาก เพราะเจ้าของร้านพูดฝรั่งเศล แต่ก็น่ารักและพยายามช่วยพวกเราให้ได้อาหารตามที่ต้องการ มื้อนี้อร่อยพอแก้หิวได้ กินเสร็จแล้ว เดินย่อยอาหารกันสักพัก ก็จะเดินทางต่อไป Amsterdam โดยจะไม่แวะที่ไหนอีก
วันนี้เราได้ห้องแยกเป็น 2 ห้อง แบบนอน 4 คน 1 ห้อง มีเตียง สองชั้น และเตียง King size สำหรับนอน 2 คน 1 เตียง และ ห้อง single bed อีก 1 ห้อง อยู่คนละชั้นกัน ห้องกว้างขวางสะอาดดีมากๆ
พวกเราเดินทางถึง Amsterdam และ check in เข้าที่พัก Meininger Hotel โรงแรมเดียวกันกับที่เรามาพักคืนแรกที่นี่ ประมาณ 3 ทุ่มกว่าด้วยความเรียบร้อย 
และเราก็เพิ่งได้ยินข่าวด่วนในทีวี ว่ามีการก่อการร้ายขึ้นใน Paris เมื่อประมาณ 21.16  น. ตามเวลาของ Paris เราก็แจ้งให้เพื่อนๆ ใน fb ที่ทักถามเข้ามา ว่าพวกเราเดินทางเรียบร้อยดี และพวกเราโชคดีที่ข้ามพรมแดนฝรั่งเศลมาตั้งแต่ออกจาก เมือง Lille (ลีล) นานแล้ว เพราะมีข่าวว่าเค้าปิดพรมแดนไม่ให้เข้าและออกด้วยหลังเวลาที่เกิดเหตุ มาเที่ยวฝรั่งเศลครั้งนี้เป็นครั้งแรก มีเรื่องให้ตื่นเต้นไม่เว้นแต่ละวัน😟

บันทึกจาก Wikipedia รายงานว่า
ในช่วงกลางคืนของวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เกิดเหตุก่อการร้ายซึ่งประกอบด้วยการกราดยิง การระเบิดฆ่าตัวตาย และการจับตัวประกันในกรุงปารีสและเมืองแซ็ง-เดอนี (ย่านชานกรุงปารีสทางทิศเหนือ) ประเทศฝรั่งเศส เริ่มตั้งแต่เวลา 21:16 น. ตามเวลายุโรปกลาง เกิดเหตุกราดยิงผู้คน 6 จุด และระเบิดฆ่าตัวตายอีก 4 จุด รวมถึงที่บริเวณใกล้กับสตาดเดอฟร็องส์ (สนามกีฬาแห่งชาติ) ซึ่งกำลังมีการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรระหว่างทีมชาติฝรั่งเศสกับทีมชาติเยอรมนี การโจมตีที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดอยู่ที่โรงมหรสพบาตากล็อง (Bataclan) ที่ซึ่งผู้ก่อเหตุได้จับผู้ชมคอนเสิร์ตเป็นตัวประกันและเผชิญหน้ากับตำรวจจนสิ้นสุดลงเมื่อเวลา 00:58 น. ของวันที่ 14 พฤศจิกายน

จากเหตุการณ์นี้ มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 153 คน โดย 89 คนในจำนวนนี้อยู่ที่โรงมหรสพบาตากล็อง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บระหว่างเหตุโจมตีอีก 352 คน โดยมี 99 คนที่ได้รับการระบุว่ามีอาการสาหัส นอกจากพลเรือนที่ประสบความสูญเสียแล้วยังมีผู้ก่อเหตุเสียชีวิต 7 คน และทางการกำลังค้นหาผู้ร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนี ก่อนที่จะถูกโจมตี ฝรั่งเศสอยู่ในภาวะประกาศเตือนภัยขั้นสูงมาตั้งแต่เหตุโจมตีในแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ เดือนมกราคม พ.ศ. 2558 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน ประกอบด้วยพลเรือนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฟร็องซัว ออล็องด์ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุจลาจลในปี พ.ศ. 2548 และได้ประกาศใช้มาตรการควบคุมชายแดนเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ยังสั่งห้ามบุคคลออกจากเคหสถานเวลาค่ำคืนทั่วกรุงปารีสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ พ.ศ. 2487

ในวันที่ 14 พฤศจิกายน รัฐอิสลามอิรักและเลแวนต์ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น โดยมีเหตุจูงใจคือการทำตอบโต้การที่ฝรั่งเศสเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองซีเรียและสงครามกลางเมืองอิรัก ออล็องด์แถลงว่าเหตุโจมตีครั้งนี้ได้รับการวางแผนจากภายนอกประเทศโดยรัฐอิสลามอิรักและเลแวนต์ ซึ่งได้รับ "ความช่วยเหลือจากภายในประเทศ" และกล่าวว่าเหตุโจมตีดังกล่าวเป็น "การกระทำทางสงคราม" (act of war) อนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดที่เกิดกับฝรั่งเศสนับตั้งแต่ และเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดในเขตสหภาพยุโรปนับตั้งแต่เหตุระเบิดรถไฟในมาดริด พ.ศ. 2547
(บันทึกจาก Wikipedia)
เนื่องจากกลับมาถึงโรงแรม 3 ทุ่มกว่า ร้านอาหารในสถานีรถไฟ เริ่มปิดกันไปแล้ว เหลือแต่ อาหารแบบ ด่วนๆ ตามที่เห็นนี้ เป็นคล้ายๆ Hotdog กินแก้หิวไป คืนนี้จะหลับสบายอีก โดยเฉพาะคนขับรถ จะเหนื่อยมากสุด เพราะขับรถมาประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ก็พักมาตามทางด้วย คนขับรถทิ้งตัวบนเตียงหัวถึงหมอนก็หลับสนิทเลย โดยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นใน Paris คืนนี้

พรุ่งนี้ไปเดินเที่ยวและซื้อของในเมืองที่ Amsterdam

มีต่อ/.....

No comments:

Post a Comment